ประวัติความเป็นมา
สังกัดมหานิกาย ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2432 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2433 ในปัจจุบันยังไม่พบประวัติวัดโคกศรีสะเกษ มีเพียงคำบอกเล่าเกี่ยวกับวัดว่า พื้นที่บริเวณที่ตั้งวัดมาจากเณรซึ่งมีสถานะเป็นนักบวช ผู้ปฏิบัติธรรม เป็นผู้นำชุมชนในการสร้างบ้านเรือนของชุมชนบ้านโคกสระน้อย และศาลปู่เณรพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่กลายมาเป็นวัดประจำชุมชน
เรื่องเล่าเกี่ยวกับสถานที่ตั้งวัด ในอดีตมีเณรอยู่รูปหนึ่งอาศัยอยู่วัดหงส์ (ปัจจุบันคือ วัดหงส์ธรรมรักษ์จิตาราม) ได้แอบกินขนุนที่มีญาติโยมนำมาถวายหลวงพ่อจนหมดโดยไม่ขออนุญาต หลวงพ่อจึงได้ตำหนิและดุด่า เณรโกรธจึงได้หนีออกจากวัดและได้มาอาศัยที่แห่งหนึ่งซึ่งมีพื้นที่เป็นดอน หรือชาวบ้านเรียกว่า โคก ที่มีสภาพอุดมสมบูรณ์ จึงจับจองทำเป็นสวนผลไม้ หนึ่งในผลไม้ที่เณรปลูก มีต้นขนุนรวมอยู่ด้วย ซึ่งปกติแล้วขนุนจะต้องปลูก 6 ปี จึงจะติดผล แต่ขนุนที่ปลูกกลับติดผลเร็วกว่าปกติ เมื่อขนุนออกผลและสุกงอมได้ที่ เณรจึงนำขนุนไปถวายหลวงพ่อ โดยกล่าวกับหลวงพ่อว่า ตนได้นำขนุนมาคืนหลวงพ่อแล้ว ต่อมาภายหลังได้มีชาวบ้านคนอื่น ๆ มาจับจองที่ดินทำกินเช่นกัน เมื่อมีผู้คนมาอาศัยรวมกันเป็นจำนวนมากสถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นหมู่บ้าน เรียกว่า "บ้านโคก" ซึ่งชาวบ้านที่นี่รู้จักเณรรูปนี้ดี เนื่องจากเป็นคนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และมักนำผลไม้ในสวนของตนไปแจกจ่ายชาวบ้าน เมื่อมีงานบุญก็จะนำผลไม้ไปถวายพระสงฆ์ที่วัด นอกจากนี้ยังมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อเพื่อไปจำหน่าย
ต่อมาเริ่มมีเสียงร่ำลือว่า เณรมีเงินที่ได้จากการขายผลไม้มากมาย ว่ากันว่าประมาณ 1 บาตรพระ ทำให้มีโจรผู้ที่คิดจะมาปล้นเงินจำนวนดังกล่าว โดยการเข้าปล้นและขู่บังคับให้บอกที่ซ่อนเงิน แต่เณรไม่มีให้ จึงได้ทำร้ายจนเสียชีวิต จากนั้นจึงรื้อข้าวของเพื่อหาเงินตามคำร่ำลือ ก็ไม่พบแต่อย่างใด พบเพียงเงิน 1 บาท ที่เณรมีติดตัว เมื่อเป็นเช่นนั้น โจรอาจเกิดความเสียใจที่เข้าใจผิดและทำร้ายเณรจนเสียชีวิต จึงได้ทิ้งเงิน 1 บาท ดังกล่าวไว้ ไม่นำติดตัวไป จนกระทั่งมีชาวบ้านมาพบศพ สร้างความเศร้าสลดใจเป็นอย่างมาก ชาวบ้านต่างก็พากันสาปแช่งโจรใจบาปผู้นั้น และนำศพของเณรมาบำเพ็ญกุศลและฌาปนกิจ เมื่อเสร็จจากงานศพชาวบ้านจึงได้สร้างศาลขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว ปัจจุบันสถานแห่งนั้นมีชื่อว่า ศาลปู่เณร ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์ ที่ชาวบ้านพากันเคารพนับถือ ต่อมาชาวบ้านเห็นว่าสถานแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของนักบวช จึงได้สร้างขึ้นเป็นวัด โดยนิมนต์พระสงฆ์มาจำพรรษา แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าเป็นพระรูปใด
การบริหารและการปกครอง มีเจ้าอาวาสเท่าที่ทราบนาม คือ
1. พระครูพิพัฒน์ อิสรคุณ เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน
สิ่งที่น่าสนใจ
- ศาลปู่เณร เชื่อว่าเป็นสถานที่นำศพของเณรมาบำเพ็ญกุศลและฌาปนกิจ ชาวบ้านพากันเคารพนับถือและเชื่อว่าเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์
- ศาลาโรงธรรม หรือ โรงธรรม หรือ ศาลาหอแจก ศาลาทรงไทยอีสาน สร้างด้วยไม้ที่มีภาพจิตรกรรมไทยแนวประเพณี ที่เขียนบนเพดานผนังไม้ เขียนด้วยเทคนิคสีที่ได้จากธรรมชาติ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับภาพจินตนาการสัตว์หิมพานต์ พุทธประวัติ เขียนโดยช่างท้องถิ่น นามนายบุญมี ไม่ปรากฎนามสกุล ตระกูลหลวงพ่อฉัตร สร้างเมื่อปี ฉลู เบญศก ปี พ.ศ. 2456 ศาลาโรงธรรมหลังนี้อยู่ระหว่างอาคารพิพิธภัณฑ์และอุโบสถเก่า กรมศิลปากรได้ขึ้นประกาศขึ้นทะเบียนอนุรักษ์ในปี พ.ศ. 2539
- ใบเสมา เป็นใบเสมาแบบแท่งสี่เหลี่ยมสมัยลพบุรี ใบเสมาที่อยู่หน้าอุโบสถมีภาพแกะสลักเป็นรูปฤาษีนั่ง
- อุโบสถเก่า สร้างขึ้นในราว พ.ศ. 2332 หลังคาเป็นทรงเรือนไทย รอบพระอุโบสถมีใบเสมาทำจากศิลาแลงจารึกภาษาขอม อุโบสถหลังนี้มีความโดดเด่นเฉพาะตัวอยู่ที่กรอบประตูทางเข้าที่มีจิตรกรรมลวดลายด้วยสีธรรมชาติมีการใช้งานประติมากรรมนูนต่ำคล้ายเครื่องปั้นดินเผาหรือภาชนะเครื่องเคลือบรูปทรงกลมและรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทุกชิ้นจะมีการเจาะรูตรงส่วนกลางและกระจายออกโดยรอบดูคล้ายเกสรดอกบัว อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญทางพุทธศาสนา ฉาบด้วยปูนยึดติดกับตัวอาคารจนเกิดเป็นกรอบประตูที่มีความสวยงามตามแบบฉบับศิลปะพื้นบ้าน
- อุทยานทางการศึกษา จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรท้องถิ่น ซึ่งมีมากกว่า 500 ชนิด
- โครงการ 9 วัด 9 บุญ ค้ำจุนพระพุทธศาสนา อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา
การเดินทาง เริ่มต้นจากลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ถนนสาย 304 สายนครราชสีมา-กบินทร์บุรี-ฉะเชิงเทรา ถึงสี่แยกลำพระเพลิง เลี้ยวซ้ายเส้นทางสาย 24 (ปักธงชัย-โชคชัย) และเลี้ยวขวาบ้านนกออก อำเภอปักธงชัย เข้าไปประมาณ 4 กิโลเมตร
วัดในจังหวัดนครราชสีมา
ศาสนสถาน
วัด
ที่อยู่: | บ้านโคกสระน้อย หมู่ที่ 3 ตำบลนกออก อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา 30150 |
แผนที่: | https://goo.gl/maps/6yhmfaEWdo5wibDv9 |