ชื่อวิทยาศาสตร์ | Peltophorum pterocarpum (DC.) K.Heyne |
ต้นไม้ประจำจังหวัด | นนทบุรี และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ |
ชื่ออื่น | กว่าเซก (เขมร-กาญจนบุรี) คางรุ้ง คางฮ่ง (พิษณุโลก) จ๊าขาม ช้าขม (ลาว) ตาเซก (เขมร-บุรีรัมย์) นนทรีป่า (ภาคกลาง) ราง (ส่วย-สุรินทร์) ร้าง อะราง อะล้าง (นครราชสีมา) อินทรี (จันทบุรี) |
ลักษณะวิสัย: | ไม้ยืนต้นขนาดกลางสูง 15-30 ม. เรือนยอดเป็นรูปพุ่มกลมทึบ |
ต้น | เปลือกต้นสีทองหรือสีเทาอมน้ำตาล |
ใบ | เป็นช่อแบบขนนกสองชั้น |
ดอก | ออกดอกเป็นช่อตามชอกใบ ตามกิ่งหรือปลายยอด ดอกมีสีเหลือง มีกลีบดอก 5 กลีบ ออกดอกประมาณเดือนมกราคม-มีนาคม มีสีเหลือง กลีบรองดอกมี 5 กลีบ กลิ่นดอกหอมอ่อน ๆ |
ผล | เป็นฝักแบนรูปหอก |
การขยายพันธุ์ | การเพาะเมล็ด |
ประโยชน์ | ส่วนที่ใช้เป็นอาหาร ยอด ฝักอ่อนใช้เป็นอาหารประเภทผักเหนาะรสชาติฝาด มัน เปลือก นำไปต้มแล้วจะให้สีน้ำตาลอมเหลือง ใช้ย้อมผ้าฝ้ายบาติก ในเกาะชวา อินโดนีเซีย ไม้ใช้ก่อสร้างทำเครื่องเรือน สรรพคุณทางสมุนไพร เปลือก มีสารแทนนิน ใช้รักษาโรคท้องร่วง หรือนำไปเคี่ยวเข้าน้ำมัน นวดแก้ตะคริว กล้ามเนื้ออักเสบ รับประทานเป็นยากล่อมเสมหะ แก้โรคท้องร่วง เป็นยาขับลม ปลูกเป็นไม้ประดับ |
พฤกษาพรรณบรรณสาร : ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี